ใจผมได้แต่ภาวนาว่า ผมค่อนข้างจะสุ่มเสี่ยง ที่ทำเรื่องเห็ดเป็นยา แม้ว่า มันได้ทำการพิสูจน์มาอย่างยาวนานตลอดชีวิตการทำงานของผมว่า เห็ดเป็นยาหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นเห็ดพื้นบ้านของไทยเรา สามารถเสริมและบำรุงร่างกาย และต่อต้านโรคในมนุษย์ได้หลายอย่าง

แต่เนื่องจากผมไม่ใช่หมอ ผมจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแนะนำให้ใครใช้ ยกเว้นที่จะพูดทางด้านวิชาการเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง คาบลูกคาบดอกเหลือเกิน หลายต่อหลายครั้ง ที่คิดจะเลิกยุ่ง หลายต่อหลายครั้งคิดที่จะย้ายฐานไปอยู่ต่างประเทศ แต่ก็ด้วยคำที่ท่านอดีตนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวชได้ขอร้องไว้ว่า แม้เราจะมีอุปสรรคในด้านการแนะนำส่งเสริมให้คนเอาเห็ดเป็นยาไปใช้ แต่ก็ขอร้องไม่ให้ผมเลิก เพราะคิดเสียว่า เห็ดทั้งหลาย คื่อ อาหารที่มันมีประโยชน์ และท่านก็หวังว่า สักวันหนึ่งจะต้องมีคนเข้ามาช่วย มารับผิดชอบแทนอย่างถูกต้องตามกฏหมายแน่นอน

ผมก็รอๆๆๆ รอเพื่อให้ถึงวันนั้น อยู่ๆผมก็ได้รับข่าวจากเจ้าหน้าที่ผมว่า มีเพื่อนผมที่เรียนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปีหนึ่งด้วยกัน และผมจำเพื่อนคนนี้ได้ดี เพราะผมมักจะยืมสมุดจดที่อาจารย์บรรยาย(เลคเชอร์)ไปลอกบ่อยครั้ง(ผมเป็นเด็กบ้านนอก เรียนอยู่ต่างจังหวัด ไม่เคยเข้ากรุงเทพ ฟังเลคเชอร์ไม่ทัน ต้องยืมของเพื่อนไปลอก ไปอ่านแทน)ได้ติดต่อมาว่าอยากคุยด้วย อยากแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการใช้เห็ดเพื่อรักษาผู้ป่วย ที่ท่านใช้แล้วได้ผลดี พร้อมทั้งให้ชื่อ ให้เบอร์ไลน์มาด้วย(รู้ดีว่า ผมไม่ชอบโทรหาใคร)บอกว่า ชื่อ นพ.วิชัย เจริญสุข(นามสกุลเดิม) นามสกุลใหม่เป็น ชัยจิตวณิชกุล ซึ่งผมรู้จักและสนิทสนมดีมาก แต่เราไม่เคยเจอกันอีกเลยตั้งแต่ปี 2516 เป็นเวลากว่า 43 ปี ผมจึงรีบไลน์ไปหาเพื่อนทันทีที่ได้ข่าว และก็ได้เจอกัน

ราวกะว่าถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลิขิตให้มาพบเจอกันอีกครั้งเพราะเรื่อง เห็ดเป็นยา สืบเนื่องจากคุณหมอวิชัย ได้ใช้เห็ดเป็นยารักษาร่วมกับวิทยาการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยท่านบอกว่ามันเป็นการเสริมกันอย่างได้ผลดีมาก ทั้งนี้ เพราะที่ โรงพยาบาล ที่ท่านเคยเป็นผู้อำนวยการอยู่ คือ โรงพยาบาลอำเภอเพ็ญ ได้มีแผนกแพทย์แผนไทยช่วยในการรักษาผู้ป่วยแบบผสมผสาน ท่านบอกว่า 10 ปีให้หลังจากถูกว่างเว้นจากการเมืองท่านจึงหันมาศึกษาในการใช้เห็ดเป็นยากับผู้ป่วยหลายชนิด ร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน พบว่า ได้ผลดีขึ้นกว่าการรักษาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคเรื้อรังต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน ไต ภูมิแพ้ ความดันและโรคหัวใจ แต่ปัญหาที่ท่านเจอก็คือ แม้จะมีความเป็นไปได้สูงในการที่จะใช้เห็ดเป็นยาร่วมกับการใช้วิทยาการแผนใหม่ แต่เห็ดที่ท่านนำมาใช้ส่วนใหญ่เป็นเห็ดที่ได้จากธรรมชาติ ที่ไม่สามารถหามาได้เพียงพอกับความต้องการ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงพยายามตามหาผู้ที่จะมาช่วยเติมเต็มในส่วนนี้ให้ท่านได้ จึงมีหลายคนแนะนำให้ติดต่อ ดร.อานนท์ เอื้อตระกูล ซึ่งท่านจำได้แม่นว่า คนๆนี้เป็นเพื่อนสนิทของท่านมาก่อน นี่คือ สาเหตุหรือฟ้าลิขิต ให้ผมกับหมอวิชัยมาเจอกันครับ

แน่นอนครับ หลายคน อาจจะรู้จักคุณหมอท่านนี้ในฐานะนักการเมือง ผู้แทนราษฏรฝีปากกล้าของจังหวัดอุดรธานี ที่เป็นผู้แทนติดต่อกันถึง 7 สมัย และโด่งดังที่สุด ตอนที่ท่านเข้ารับเป็นรัฐมนตรีที่วันแรกเข้ารับงานโดยขับรถมิตซูบิชิ ปาเจโรป้ายแดง จนใครต่อใครขนานนามว่า หมอปาเจโร

พอดีช่วงนั้น ผมไม่ได้อยู่ในไทย แต่ในส่วนที่ผมรู้จักท่านในสมัยที่เรียนหนังสือนั้น ท่านเป็นคนที่เก่งที่สุดในบรรดาเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ตอนที่ท่านเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปี 2516 มีนิสิตเพียง 2 คนที่สอบได้ 4.0 เต็ม จนท่านอธิการบดีมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า(มจ.จักรพันธุ์ เพ็ญศิริจักรพันธุ์)เพื่อเสนอให้ทุนของมหาวิทยาลัยในการเรียนต่อ แต่เพื่อนผมคนนี้กลับไปสอบเรียนหมอศิริราชรุ่น 84 ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีว่า ท่านสามารถเรียนจบแพทย์ได้ปริญญาเกียรตินิยมอันดับสองด้วยคะแนน 3.47 ที่มีเพียงสองคนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง 1 คน จากนักเรียนแพทย์ด้วยกัน 140 คน ซึ่งผลการเรียนนั้น แม้ว่าจะได้เกียรตินิยมที่เป็นการเอาคะแนนรวมทั้ง 6 ปีมาเฉลี่ยนั้น จะน้อยคนนักที่จะประสพผลสำเร็จเช่นนี้ ที่สำคัญกว่านั้น ยังได้รับคำชื่นชมจากคณาจารย์ที่ย้ำนักย้ำหนาในการที่จะต้องออกไปรักษาคน โดยคนที่ป่วยส่วนใหญ่ มอบความเป็นความตายของชีวิตให้หมอเป็นผู้ดูแล ดังนั้น คนเป็นหมอ จะต้องเป็นผู้ที่ต้องเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ ตอนหนึ่งคุณหมอวิชัยได้เล่าให้ผมฟังดังนี้ครับว่า

” อาจารย์ครับ(ท่านหมายถึงผม) สมัยที่ผมเป็นนักศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ ที่ศิริราชนั้น ในยุคที่ผมยังเรียนแพทย์ชั้นคลีนิค(ปี5-6) เวลาขึ้นวอร์ด เพื่อตรวจเบื้องต้น(ยังไม่ให้สั่งยาเอง โดยท่านอาจารย์ผู้สอนได้เน้นนักเน้นหนาว่า นักศึกษาแพทย์จะต้องทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ซึ่งจะต้องซักประวัติอย่างละเอียดมาก พร้อมทั้งต้องลงมือตรวจ ดู คลำ เคาะ ฟัง (ใช้สเตทโตสโคป) จะต้อง วินิจฉัยให้ได้ 1-3 ของโจทย์ให้ถูกต้องหรือใกล้เคียงให้ได้ โดยท่านอาจารย์จะเน้นความสามารถของลูกศิษย์ในเชิงปฏิบัติจากของจริงอย่างมาก ดังนั้น แม้ว่าแพทยรุ่นเดิม เทคโนโลยี มีส่วนช่วย แต่ก็จะอนุญาตให้เอามาช่วยหลังจากตรวจตามขั้นตอนดังกล่าวอย่างละเอียดละเอียดแล้ว จึงจะก้าวไปยังขั้นตอนต่อไปคือ ทำการตรวจเลือด x-ray ยืนยันอีกครั้ง แต่สมัยปัจจุบัน เรามีอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยและรวดเร็วขึ้น เช่น เรามี เครื่อง Ultrasound, CT Scans, MRI และอุปกรณ์การตรวจเลือดที่แน่นอน ทันสมัยและรวดเร็วขึ้น เพื่อจะนำไปใช้ในการวินิจฉัย หรือติดตาม เชื้อโรคใหม่ๆมามากขึ้น ทั้งอุบัติใหม่ หรือย้อนกลับมาเป็น แต่อย่างไรก็ตาม ผมอยากจะยกเคสตัวอย่างที่ผมเจอมากับตัวเอง ที่บางที่ การวัดผล การวิเคราะห์ผลโดยลำพังแต่เครื่องมือเท่านั้น อาจจะไม่ตรงกับอาการโรคที่แท้จริง เช่น กรณีของวัณโรคปอด แพทย์จะต้องฟ้งให้ออกทางหูฟังและสามารถบอกบอกได้ว่าเป็นน่าจะเป็นวัณโรค แลต้องมีการตรวจเพื่อยืนยันด้วยการตรวจเสมหะหาเชื้อ AFB เป็น+ พร้อมทั้ง X-rays ปอดให้ละเอียดเพื่อเป็นการยืนยัน ท่านอาจารย์เชื่อไหมว่า จากประสบการณ์ของผมที่ผ่านมา เราได้พบว่า โรควัณโรคนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในอวัยวะอื่นๆด้วย ซึ่งพบมากอีกพอควร พบทั้งในกระดูก ช่องท้อง สมองหรือผิวหนัง (ตำราเป็นได้ทุกอวัยวะ เว้น ผม ขน เล็บ) ผมมาอยุ่ รพ.เพ็ญรอบใหม่(10ปีหลัง)พบTB กระดูกหลังเฉลี่ยปีละ 15-20 ทุกปี ส่วนวัณโรคในช่องท้องหลังผ่าตัดเจอ เพียง 1 รายครับกำลังอยู่ในระหว่างให้การรักษา ที่น่าสนใจก็คือ มะเร็งปอดครับ ที่เจอเยอะมาก ปีละไม่ต่ำกว่า 100 ราย ที่ผมนำเอาเรื่องนี้มาเรียนให้ท่านอาจารย์ทราบ ก็เพื่อจะให้รู้ไว้ว่า บางครั้ง การวินิจฉัยโรค ที่อาจจะสงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งหรือโรคอย่างอื่น แต่พอตรวจอย่างละเอียด อย่างมีความชำนาญแล้ว ก็พบว่า เป็นวัณโรคก็มีดั่งที่ผมได้นำเอาสิ่งที่ผมพบมาเล่าให้ฟัง”

นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของตัวอย่าง ที่คุณหมอวิชัย ได้เล่าให้ผมฟังว่า โดยปกติแล้ว แพทย์ที่เรียนจากสถาบันแห่งนี้ และมีผลการสอบที่ดีอย่างนี้ มักจะเลือกอยู่ในจังหวัดหรือแหล่งที่เจริญ แต่หมอวิชัยกลับเลือกไปอยู่อำเภอเพ็ญมาตั้งแต่จบการศึกษา ตั้งแต่เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กที่มีเตียงแค่ 10 เตียงเท่านั้น ท่านมีความมุ่งมั่น ที่จะนำเอาความรู้ที่เป็นวิชาชีพ นำมาใช้กับผู้ป่วยที่เป็นรากหญ้าอย่างแท้จริง จนกระทั่งท่านได้รับความไว้วางใจจากพื้นที่ในเขตนี้ เลือกท่านให้เป็นผู้แทนราษฏรติดต่อกันถึง 7 สมัย

ที่สำคัญที่สุด ที่ผมนำมาเล่าวันนี้คือ ท่านได้เป็นผู้ริเริ่มให้แพทย์ทางเลือก แพทย์แผนไทย ที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ โรงพยาบาลเพ็ญ ให้นำเอาภูมิปัญญาพื้นบ้าน นำมาประยุกต์ใช้ ในการรักษาอาการป่วยของผู้ป่วยแบบผสมผสาน ซึ่งท่านก็พบว่า มีเห็ดเป็นยา ที่เป็นเห็ดธรรมชาติของไทย สามารถนำมาใช้รักษาร่วมกับการรักษาแบบแผนปัจจุบันได้ผลดีมาก

[envira-gallery id=”5303″]

ก็เป็นอันว่า ผมได้อรัมภบท ถึงการหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งระหว่างผมกับหมอวิชัย ซึ่งต่างคนต่างได้ไปเก็บเกี่ยววิทยายุทธชำนาญกันคนละด้าน คนละสาขา ที่สาามารถนำมาเสริมส่วนต่าง ส่วนขาดที่แต่ละฝ่ายมี เพื่อจุดมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะเติมเต็ม เพื่อก่อให้เกิดผลดีแก่มวลมนุษยชาติดั่งที่ตั้งใจ ด้วยเหตุนี้ วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฏาคม 2560 นี้ผมได้เชิญ นพ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล มาเสวนา เรื่องการใช้เห็ดเป็นยารักษาโรคเรื้องรัง เช่น มะเร็ง ไตวาย เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง(โรคพุ่มพวง)พร้อมกับผม ที่สถาบันอานนท์ไบโอเทค เวลา 9.00 น.เป็นต้นไป ภาคบ่าย เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยรับการตรวจและแนะนำการรักษาแบบผสมผสาน

และเนื่องในวาระเป็นปีที่อาจารย์เยาวนุช เอื้อตระกูล ครบ 60 ปี(แซยิด) ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ งานนี้ จึงจัดฟรี รวมทั้งทานอาหารเห็ดเวลากลางวัน โดยได้รับความอนุเคราะห็จากผู้ผลิตเห็ดไม๊ตาเกะ ในนาม HOKTO จากประเทศญี่ปุ่น นำเห็ดไม๊ตาเกะสดมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารครั้งนี้ด้วย การจัดเสานาเช่นนี้ จะจัดอีกครั้ง โดยเชิญคุณหมอวิชัยเช่นกัน ไปจัดที่บ้านพักที่นครพนมในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2560(ใกล้วันคล้ายวันเกิดอาจารย์เยาวนุช ซึ่งเกิดวันที่ 28 สิงหาคม 2500) ท่านที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมเสวนา โปรดจองที่นั่ง หรือบัตรคิวเจอคุณหมอวิชัยได้ที่ 029083308, 0860830202 line: mushroom10

ใส่ความเห็น