พวกเราคอยลุ้นด้วยความใจจรดใจจ่อว่า เชียบัตเตอร์(Shea butter)ที่ผ่านการสกัดแบบธรรมชาติ ที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูปให้บริสุทธิ์จนขาดคุณสมบัติทางยา(Unrefined Shea butter) ที่มาจากประเทศโบกิน่า ฟาซูนั้น จะมาถึงทันงานสัมมนาเห็ดเป็นยาหรือไม่ เพราะเป็นวัตถุดิบที่ผมต้องการมากที่สุด ที่ในโลกนี้ไม่มีการปลูกกัน มีแต่เก็บมาจากธรรมชาติแถบประเทศกึ่งทะเลทรายซาฮาร่าเท่านั้น

ทำไมผมถึงต้องการเชียบัตเตอร์มาให้ทันงานสัมมนาเห็ดเป็นยาในวันที่ 20 สิงหาคม 2560 ครั้งนี้ ก็เพราะมันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผมได้ไปรู้ ได้ไปดู ได้ไปเห็นกับตาว่า มันเป็นไขมันจากต้นพืชชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ต้นเชีย(Shea tree ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vitellaria paradoxa)มีมากแถวทะเลทรายซับซาฮาร่า แถบแอฟริกาตะวันตก เช่น ไนเจอร์ โบกิน่าฟาซู โตโก ไนจีเรีย กาน่าตอนเหนือ เป็นต้น เป็นไม้ยืนต้นที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอายุนานกว่า 20 ปี จึงจะมีดอกออกผล ช่วงที่ผมทำงานอยู่ย่านนั้นมีการสำรวจพบว่า มีต้นเซียตามธรรมชาติอยู่ประมาณ 500 ล้านต้น แต่ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 200 ล้านต้น โดยไม่มีการปลูกกันเลย มีแต่เกิดเองตามธรรมชาติเท่านั้น

ทำไมผมจึงให้ความสนใจในเซียบัตเตอร์ ก็เพราะ ผลของเชีย หากนำมาคั่ว จะมีน้ำมันไหลออกมาเหมือนกับน้ำมันระหุ่งหรือถั่วต่างๆ แต่น้ำมันที่ไหลออกมาจากผลเซียเป็นน้ำมันที่มีไขมันแบบอิ่มตัวสูงมาก ดังนั้น เมื่อเย็น มันจึงจับตัวเป็นก้อนคล้ายเนยสีขาวออกเหลือง เจ้าเนยเชียนี่ครับ ที่ผมทึ่งในสรรพคุณของมันมาก เพราะเป็นน้ำมันที่คนในแถบแอฟริกาตะวันตกใช้แทนน้ำมันพืชในการปรุงอาหาร ใช้ผัด ใช้ทอดแทนน้ำมันพืช ที่สำคัญใช้ทาผิว ทาศีรษะเพื่อป้องกันแสงแดดและรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสเป็นธรรมชาติ โดยคนย่านนั้น ใช้ทาให้แก่เด็กทารกที่คลอดออกมาใหม่ๆ บางเผ่าเมื่อเอาเนยเชียทาเด็กทารกแล้ว ก็จะเอาไปตากแดดที่มันจะป้องกันอันตรายจากแดดได้ บางเผ่าเชื่อว่า หากเอาเนยเชียทาเด็กทารกแล้วนำไปตกแดดนั้น หากทารกอ่อนแอก็อาจจะเสียชีวิตไป ก็ถือว่า ไม่ใช่ลูกเขา ส่วนที่ทนและแข็งแรงรอดตายภายในประมาณสองชั่วโมงได้ แสดงว่า เป็นลูกคน

สรรพคุณของเนยเชียนี้ ได้มีการศึกษากันอย่างมากทางวิทยาศาสตร์ ถึงกับบริษัทเครื่องสำอางดังๆแนวหน้าของโลก จะต้องมีเนยเชียเป็นส่วนผสมเสียเป็นส่วนใหญ่ ผมเคยเห็นเนยเชียที่ไม่ผ่านการแปรรูป จำหน่ายอยู่ตามร้านขายเครื่องสำอางในประเทศไทย ที่เซ็นทรัลบรรจุในตลับอย่างดี หนัก 15 กรัม ขายกันที่ 4,200-4,500 บาท ช่วงที่ผมทำงานอยู่ที่แอฟริกา บางช่วงบางฤดูและบางประเทศ มีอากาศร้อนแผดเผารุนแรงมาก ก็อาศัยเอาเชียบัตเตอร์นี่ครับ เป็นส่วนผสมของครีมในการทาหน้าและทาผิว

ด้วยเหตุนี้ครับ ผมจึงได้นำเอาเชียบัตเตอร์มาจากประเทศโบกินาฟาซู มาใช้เป็นส่วนผสมเป็นครีม All in one เพื่อใช้ทาทั้งผิวทั่วร่างกายและหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่มีปัญหาเรื่องผิวหนังบอบบาง คันหรือแพ้แดด แพ้เครื่องสำอาง ได้ผลดียิ่ง ประเด็นของมันคือ จะทำอย่างไร จึงจะมั่นใจและแน่ใจว่า เชียบัตเตอร์ที่เราได้มาจะเป็นของแท้ ของที่ไม่ผ่านขบวนการทำให้บริสุทธิ์โ้ดยสารเคมี จนทำให้เสียสรรพคุณที่ดีไป สิ่งที่ผมทำได้ก็คือ ผมสั่งผ่านคนหรือครอบครัวที่ผมรู้จักและเคยไปอยู่ด้วยเมื่อครั้งที่ทำงานอยู่ย่านนั้นคือ ครอบครัวของ อดีต รมต.พานิชย์ ของประเทศกาน่าคือ Mr. Kofi Djin ซึ่งภรรยาของท่าน เป็นธุระจัดการรวบรวมเนยเชียจากแหล่งที่เชื่อถือได้ จำนวน 4 กก. แล้วให้ลูกสาวหิ้วติดตัวไปที่ประเทศโปแลนด์ เพราะลูกสาวแต่งงานกับคนโปแลนด์ และก็ทำการส่งทางไปรษณีย์มายังผมที่เพิ่งได้รับเมื่อไม่กี่วันมานี้ จึงถือว่า มาทันเวลาที่ผมรอคอย

เพราะผมต้องการนำมาทำครีม All in one ให้ทันงานสัมมนาเห็ดเป็นยาวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 2560 ที่จัดโดยสมาคมนิสิตเก่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจะเป็นการทำสาธารณประโยชน์ให้แก่ อาจารย์เยาวนุช เอื้อตระกูล ในโอกาสครบรอบอายุ 60 ปีเต็มของเดือนนี้(วันที่ 28 สิงหาคม) ที่คนไทยเชื้อสายจีนถือว่า เป็นงานแซยิดหรือปีมงคลของชีวิต ด้วยเหตุนี้ ครีมที่ทำจากเนยเชีย จึงถูกทำขึ้นมาเฉพาะกิจ ไม่มีจำหน่ายทั่วไป ทำเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น ท่านใดที่สนใจ สามารถไปหาซื้อได้ที่หน้างาน บางท่านที่พลาดจากการจองเข้าร่วมสัมมนา ก็ไปซื้อได้ เพราะโต๊ะจำหน่ายสินค้าของอานนท์ไบโอเทค จะอยู่หน้างาน หรือติดต่อสอบถามได้ที่ 029083308, 0860830202 line: mushroom10

[envira-gallery id=”5549″]

ภาพผมและ อดีต รมต.พาณิชย์ ประเทศกาน่า และ ภรรยา ในช่วงที่ผมเป็นผู้เชี่ยวชาญเห็ด(อาวุโส) องค์การค้าโลก แห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศกาน่า ระหว่างปี 2532- 2537 โดยผมให้ความสนใจและไปสำรวจศึกษาเรื่องของ เนยเชีย(Shea butter ที่ประเทศต่างๆในเขตพื้นที่กึ่งทะเลทรายซาฮาร่า

[envira-gallery id=”5551″]

ต้น เปลือก ดอก ผลของต้นเชีย

[envira-gallery id=”5554″]

นำมาหมักเพื่อบีบเอาเนื้อหุ้มเมล็ดออก แล้วนำมาบดให้ละเอียด ทำการนวดเพื่อกระตุ้นให้น้ำมันออกง่ายและออกเยอะ จากนั้น จึงนำไปคั่วด้วย การคั้วก็ยังนิยมใช้ฟืนจากต้นเชีย เพราะเป็นไม้เนื้อแข็ง และเป็นไม้ชนิดเดียวที่มีในย่านนั้น ทำให้ผู้แปรรูปเชีย ส่วนใหญ่ ต้องตัดเอากิ่ง บางคนก็ตัดเอาต้นเชียมาเป็นฟืนเสียเลยก็มี ทำให้ปริมาณของต้นเชียลดลงอย่างน่าใจหาย

[envira-gallery id=”5556″]

นี่ไงคือ เนยจากผลเซีย ได้มาถึงอานนท์ไบโอเทคเรียบร้อยแล้ว ท่านใดสนใจ สามรถติดต่อได้ตามรายละเอียดดังกล่าวได้เลยครับ

ใส่ความเห็น