ผมได้รับการติดต่อจากน้องสาว คือ อาจารย์อรทัย  เอื้อตระกูลว่า มีเพื่อนของเพื่อนอยากจะมาพบ(ปกติ ผมจะไม่รับปรึกษาเป็นการส่วนตัว เพราะผมต้องการใช้เวลาทั้งหมด กับภาคปฏิบัติในสนามเพื่อจะทำการค้นคว้าทดลองมากกว่า อีกอย่าง ผมไม่ใช่หมอ จึงไม่สามารถที่จะแนะนำใครๆเรื่องสุขภาพ) โดยบอกว่า เพื่อนของเพื่อนมีปัญหา ที่อยากจะมาขอคุยด้วย เนื่องจากคุณแม่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพิ่งตรวจเจอ พอเจอแล้วก็ตกใจ เพราะ มันอยู่ในระยะกระจายเสียแล้ว ไม่รู้จะทำไงงงและกังวลไปหมด จึงอยากจะขอแนะนำในการใช้เห็ดเป็นยารักษาคุณแม่ ที่กำลังจะรับคีโมในอีกไม่กี่วัน แต่การให้คีโมนั้น ผู้ป่วยจะต้องแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าเกล็ดเลือดจะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่สูง

ในเมื่อเป็นคำขอร้องจากเจ้านายผมตั้งแต่เกิด โดยอ้างว่า เพื่อนสนิทร้องขอมา ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ ก็เลยบอกว่าเชิญเลย เมื่อมาถึง ผมก็ออกตัวว่า ผมไม่ใช่หมอน๊ะ และที่ว่า เห็ดเป็นยานั้น มันแค่ยืมชื่อเอามาใช้ให้เข้าใจง่ายๆ เพราะจริงแล้ว เห็ดไม่ใช่ยา มันก็คือ อาหารธรรมดาทั่วไป แต่หากเทียบระหว่างยากับเห็ดแล้ว มันขึ้นอยู่กับมุมมองครับ ว่าอันไหนสำคัญกว่ากัน ในมุมมองของผม ผมว่า เห็ดเป็นยามันเป็นอะไรมากกว่า ยา เพราะยานั้น ส่วนใหญ่มักจะถูกสร้างหรือผลิตขึ้นมาเฉพาะกิจ โดยมีจุดประสงค์ที่จะไปฆ่า ไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค หรือเข้าไปฆ่าเซลเจ้าปัญหา แต่ประเด็นปัญหา มันไม่ได้อยู่ที่ เป็นการทำงานเฉพาะกิจเท่านั้น มันยังมีผลข้างเคียงต่อเซลดีๆทั่วๆไปด้วย ส่วนเห็ดนั้น มันเป็นอาหารทั่วๆไป ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยมีสารอาหารที่ร่างกายทั่วไปต้องการมากมายหลายอย่าง ที่สำคัญ เห็ดทุกชนิด จะมีสารเบต้ากลูแคน ที่มีน้ำหนักโมเลกุลที่แตกต่างกัน และก็เป็นการพิสูจน์ในวงการวิทยาศาสตร์แล้วว่า สารเบต้ากลูแคน คือ สารสำคัญในการกระตุ้นให้ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันมาต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมหรือโรคร้ายต่างๆ โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆต่อร่างกาย

ดังนั้น ผมจึงแนะนำคุณยิ้ม ที่มาพบผมครั้งนี้ว่า ช่วงก่อนที่รอให้ร่างกายคุณแม่แข็งแรงก่อนที่จะรับคีโมนั้น ควรให้คุณแม่ทานเห็ดเป็นยาหลากหลายเข้าไปมากๆ แต่การทานเห็ดเป็นยานั้น ควรจะต้องเข้าใจว่า สารเบต้ากลูแคนนั้น ร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้โดยตรง มันจะต้องถูกย่อยสลายให้โมเลกุลมันเล็กลง หรืออยู่ในรูปที่ร่างกายเอาไปใช้ได้เสียก่อน โดยปกติตัวที่ทำการย่อยสารดังกล่าวได้นั้น ก็คือ เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในระบบย่อยของเราที่เรียกว่า เชื้อโปรไบโอติก แต่หากเราทานอาหารที่มีสารกันบูด หรือยาปฏิชีวนะเข้าไป สารดังกล่าวก็จะเข้าไปทำลายเชื้อโปรไบโอติกได้ ทำให้การย่อยสลายสารเบต้ากลูแคนเสื่อมประสิทธิภาพลงหรือไม่สามารถเอาสารดังกล่าวไปใช้ได้ หลังจากได้คุยกันแล้ว ก็เข้าใจกันดี แล้วก็ได้รับรายงานในการใช้เห็ดเป็นยาจากคุณยิ้มเป็นระยะๆอย่างใกล้ชิด จนกระทั่ง เมื่อวานนี้ คือ วันที่ 30 มกราคม 2560 คุณยิ้มได้รายงานอาการของคุณแม่ ที่เพิ่งได้รับคีโมครั้งแรก ดังนี้ครับ

ก่อนคุณแม่จะเข้ารับยาคีโม ได้ทานเห็ดเป็นยาของอาจารย์เข้าไปล่วงหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ ตอนแรกก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน กลัวว่าแกจะรับผลของคีโมไม่ไหว แต่หลังให้ยาปรากฏว่าคุณแม่แข็งแรงดีมาก มีอาการเวียนหัวเล็กน้อย ตอนนี้กลัวค่ะ…. กลัวเห็ดเป็นยาจะหมด ต้องรีบโทรสั่งซะแล้ว