ในอดีตที่ผ่านมา นอกจากเห็ดแล้ว ผมยังเคยทำธุรกิจอีกมากมายหลายอย่างเสริมเข้าไปกับธุรกิจทำเห็ด เริ่มตั้งแต่ปี 2518 เปิดร้านชมรมเห็ดสมัครเล่น ที่ถนนงามวงค์วาน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งร้านอาหารเดรีควีน แล้วย้ายมาใกล้สามแยกเกษตร ได้เอาอาหารสัตว์เข้ามาเสริม

พอขยายร้านอีกสามห้องที่หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปิดเป็นร้านเห็ดสองห้อง และร้านถ่ายเอกสารเป็นรายแรก(หลังจากศูนย์ถ่ายเอกสารสามย่านโดนรื้อ) ปัจจุบันบรรดาญาติๆดำเนินการต่ออีกหลายร้านแถวๆเกษตร รวมทั้งที่หน้าโรงแรมมารวย เมื่อปี 2528 ผมได้ไปเห็นที่ศรีลังกา(ตอนผมทำงานที่นั่น)เขาบริการรับส่งแฟกซ์ผ่านทางโทรศัพท์ ผมก็ซื้อเครื่องส่งแฟกซ์ ยี่ห้อ ริโก้มาจากศรีลังกา มาเปิดบริการเป็นรายแรกในย่านนั้น หรืออาจจะเป็นรายแรกๆของไทย โดยคิดค่าส่งหน้าละ 40 บาท และผมยังทำฟาร์มเห็ด ณ ที่พักบ้านข้าราชการในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2519 และขยายไปยังฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตรงปั้ม ปตท.เก่า ปัจจุบันก็คือ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตร จากนั้นได้ย้ายฐานผลิตมายังซอยไอยรา 5/2 บนพื้นที่ 15 ไร่ ใกล้ตลาดไท เมื่อปี 2537 โดยมีคุณรวิพรหรือคุณป๋อมเป็นผู้จัดการดำเนินการแทนผม เพราะผมยังทำงานอยู่ต่างประเทศ

แน่นอนครับ การทำธุรกิจเช่นนี้ ถือว่า เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตรเป็นหลัก และสามารถยืนหยัดมาได้ถึงปัจจุบันนี้ ก็เพราะผมโชคดีครับ โชคดีที่ได้เพื่อนร่วมงานที่เป็นคนดี ที่เป็นเพื่อนแท้ ที่เป็นเพื่อนตายที่รักกันประดุจดังเครือญาติในสายเลือด เป็นเรื่องไม่คิดไม่ฝันครับ เมื่อครั้งที่ผมทำงานอยู่ที่ประเทศศรีลังกา ผมได้ช่วยชีวิตสองสามีภรรยา ที่ไปทำงานเป็นพ่อครัว แม่ครัวหรือเชฟให้แก่ร้านอาหารเกาหลี ชื่อร้าน Empress ที่กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา โดยเขาต้องทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด ด้วยค่าจ้างที่ถูกมาก แถมโดนยึดพาสปอร์ตเอาไว้เพื่อป้องกันการหลบหนี ผมก็ช่วยชีวิตเขาให้กลับมาเมืองไทยเมื่อปี 2530 แล้วเขาก็มาขอทำงานอยู่กับผม จนกระทั่งถึงปี 2545 เขาจึงไปเปิดร้านอาหารที่แม่สอด จนส่งลูกเรียนจบแล้ว ก็ได้กลับมาช่วยงานใหม่อีกครั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2560 ในภาพ คุณอ้อม ที่เคยทำงานด้วยตั้งแต่ปี 2529 ตอนนี้ มาช่วยคุณรวิพร ที่หน้าร้านอีกแรงหนึ่งแล้วครับ

[envira-gallery id=”4820″]

ในส่วนของคุณรวิพรหรือคุณป๋อมนั้น เริ่มแรกเดิมที เธอทำงานเป็นหัวหน้าห้องแล๊ป ศูนย์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ของบริษัทมินิแบ เพื่อเพาะกล้าไม้ส่งญี่ปุ่นและทางบริษัทได้เลิกกิจการไป ช่วงนั้น ผมสนใจอยากจะเพาะต้นไม้ด้วยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ จึงไปปรึกษา ดร.อรดี ท่านก็ได้แนะนำว่า พอดีคุณรวิพร กำลังจะว่างงาน อยากให้ผมรับไว้ทำงานด้วย ผมก็ตอบตกลง จึงตัดสินใจมาเปิดฟาร์มเห็ดบนพื้นที่ 15 ไร่ ที่ซอยไอยรา 5/2 ซึ่งจำได้แม่นว่า ปีแรกที่เริ่มทำฟาร์ม ต้องพายเรือเข้าไปยังฟาร์ม เพราะน้ำท่วมหนักมากในปีนั้น ช่วงที่ทำฟาร์ม ก็ได้คนงานมาจากมุกดาหารก็คือ ลุงบุญล้ำ และคุณโสภา(ตอนนั้น ยังไม่มีลูก) ก็มามีลูกตอนที่ทำงานอยู่กับผม เมื่อครั้งที่ผมยังทำงานประจำอยู่ที่ประเทศนามิเบีย ลูกสาวที่คลอดออกมาช่วงนั้น จึงตั้งชื่อเป็นทางการว่า เด็กหญิงนามิเบีย

[envira-gallery id=”4821″] [envira-gallery id=”4822″]

ที่พูดมาเสียยาว เพื่อจะเล่าให้ฟังว่า พนักงานของผม ส่วนใหญ่ ทำงานอยู่กับผมมานานหลายสิบปี บางคนนานกว่า 30 ปี ทำให้เราอยู่ร่วมกันเหมือนเครือญาติ และทุกคนรับรู้ด้วยกันว่า เราเริ่มต้นจากศูนย์(0) โดยไม่มีอะไรเลย แม้กระทั่งวันที่ผมแต่งงาน เนื่องจากผมไม่เคยแต่งงานมาก่อนและก็ไม่เคยรู้เรื่องว่า เวลาจะแต่งงานนั้น ต้องมีเงินมีทองเพื่อขอตัวเจ้าสาว ก็เพราะผมไม่เคยแต่งงานมาก่อน และผมก็ไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้มาก่อน พอถึงวันแต่งงาน ทางญาติเจ้าสาวเขาบอกว่า ผมต้องมีเงินมาขอแต่งเมีย ซึ่งผมไม่รู้มาก่อน ผมจึงจำเป็นต้องไปยืมเงินจากหลานที่มางานวันนั้นตั้ง 40 บาท(สี่สิบบาท) เพื่อนำไปจ่ายเป็นค่าตัวของเจ้าสาว

นี่ไงครับ ที่อยากจะบอกว่า ผมและเพื่อนร่วมงาน เราผูกพันกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ก็ด้วยความผูกพันนี่เอง ที่เพื่อนร่วมงานเขารับรู้ทุกเรื่องว่า เราสร้างเนื้อสร้างตัวเจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด โดยแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนกันเลย เมื่อกิจการของเราเริ่มเข้าที่ เริ่มอยู่ตัว ผมก็ได้บอกคุณรวิพรหรือคุณป๋อมว่า นี่เราอายุก็มากกันแล้วน๊ะ หาเวลาพักกันบ้างเถอะ

คำตอบคือ ไม่มีความจำเป็น เพราะเรายังมีภาระจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารอยู่ ซึ่งเหลืออีกสามปีจากนี้ไปครับ(จ่ายเดือนสองแสนกว่า) แต่ผมก็เป็นห่วงเป็นใยเพื่อนร่วมงาน โดยพยายามหาวิธีว่า หากผมยังขอร้องแกมบังคับให้เพื่อนร่วมงานผมหยุดหรือพักผ่อนเสียบ้างไม่ได้ ผมก็ควรจะให้มือที่สามที่ผมไว้วางใจ เลยขอให้คุณปัณฑรีย์ ช่วยชวนหรือเชิญหัวหน้าพนักงานผม คือ คุณรวิพรหรือคุณป๋อมให้ไปเที่ยวบ้านผมที่นครพนมบ้าง ก็ไม่สำเร็จครับ

ตอนหลังคุณปัณฑรีย์ได้ข้ออ้างใหม่ว่า เชิญพนักงงานทุกคนไปเที่ยวที่จันทบุรี เพื่อไปกินผลไม้ ครั้งนี้ดูท่าจะสำเร็จ ผมก็ไปเหมารถตู้ไว้แล้ว ที่จะพาไปเที่ยวกันในวันแรงงาน พอถึงวันที่จะไปจริงๆ กลับยกเลิกโปรแกรม โดยบอกว่า ผลไม้ยังออกน้อย อีกอย่างหนึ่ง ไม่อยากให้ผมไปเช่ารถตู้ เพราะเปลืองเงิน และที่สำคัญเขาบอกว่า เขาเห็นผมและอาจารย์เยาวนุช ทำงานไม่เคยหยุด ไม่เคยพัก แล้วเขาจะพักได้ไง โดยเขาบอกว่า “ในเมื่ออาจารย์พ่อ กับอาจารย์แม่ ยังไม่หยุดงาน จะให้เขาหยุดได้ไง”  คำว่า อาจารย์พ่อ อาจารย์แม่ เกิดมาจากบรรดาพนักงานเขาเรียกกันครับ

และแล้ววันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2560 ก็ประสพผลสำเร็จครับ เจ้าหน้าที่ผมทุกคน พากันไปเที่ยวที่จันทบุรี โดยมีคุณลุงจุ๊บไปดักรอเลี้ยงอาหารเช้าใกล้ถึงสวนเห็ดจันท์(ที่จริงแกมีวาระแฝง ที่ต้องการไปเอาแคปซูลและกาแฟเห็ดด้วยครับ) จากนั้น คณะของผมก็ไปเยี่ยมสวนเห็ดจันท์ ได้ไปตื่นเต้นกับผลไม้หลากหลาย โดยคุณปัณฑรีย์เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารและพาไปเที่ยวทะเลกันอย่างสนุกสนานดังรูปครับ โดยเขาพากันนั่งรถตู้เก่าๆของฟาร์มไป โดยปฏิเสธที่จะเช่ารถตู้จากข้างนอก เหตุผลก็บอกว่า “เปลือง” จนเจ้าของฟาร์มเห็ดสวนจันท์ เห็นแล้วสงสารรถว่า “ยังอุตส่าห์ขับมาถึงหรือเนี่ย” จริงๆแล้ว เครื่องข้างในเปลี่ยนและฟิตใหม่หมดแล้ว รวมทั้งแอร์ด้วย ยกเว้นเวลาฝนตก ทุกคนที่นั่งอยู่ด้านใน ก็จะเย็นชุ่มฉ่ำกันทั่วถ้วน(เพราะฝนรั่วใส่)

[envira-gallery id=”4823″]

ด้วยความที่พนักงานของผมส่วนใหญ่มาจากทางอิสานและลาว ที่ทานข้าวเหนียววันละสามมื้อ แม้ทั้งลุงจุ๊บและคุณปัณฑรีย์ จะพาไปเลี้ยงจนท้องจะแตกกันแทบทุกคน แต่พอกลับถึงอานนท์ไบโอเทค ทุกคนรีบไปเอาข้าวเหนียวกินกันเข้าไปอีก โดยบอกว่า อาหารทะเลที่กินเข้าไปแม้จะเต็มท้อง แต่มันไม่อยู่ท้อง และอีกวันต่อมา ทุกคนก็แย่งกันเข้าห้องน้ำ จนห้องน้ำทุกห้องถูกยึดไปหมด เพราะท้องเขาที่ผ่านมา เจอแต่ข้าวเหนียวส้มตำ คราวนี้เจ้าของแปลก ที่เป็นกุ้ง หอย ปู ปลา ที่ท้องยังปรับตัวไม่ได้ ผมเลยบอกไปว่า เดี๋ยวจะส่งไปเที่ยวเมืองจันท์บ่อยๆ ท้องก็จะค่อยๆปรับตัวไปเอง

ใส่ความเห็น